เรื่องต้องรู้ของน้ำยาขจัดคราบ
หากเอ่ยถึงน้ำยาขจัดคราบ ถือว่านี่คือนวัตกรรมที่โดดเด่นที่สุดของยุค เหมาะสมกับพ่อบ้านแม่บ้านอย่างยิ่ง แต่อย่างไรก็ดีหากว่าคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่อยากรู้เกี่ยวกับน้ำยาขจัดคราบ มีเรื่องใดบ้างที่ควรทำความเข้าใจให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ พร้อมแล้วมาดูกันเลย
ส่วนผสมในน้ำยากำจัดคราบ
สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการทำความสะอาดหรือที่เรามักเรียกกันว่าน้ำยากำจัดคราบ จะช่วยในการกำจัดคราบต่างๆ หรือสิ่งสกปรกที่อยู่ตามสิ่งของได้เป็นอย่างดี ซึ่งพื้นผิวน้ำยาเหล่านี้จะมีสารเคมีที่เป็นด่างหรือกรด บางครั้งอาจเป็นตัวทำละลายชนิดใดชนิดหนึ่งก็ได้ ซึ่งส่วนประกอบดังที่กล่าวเอาไว้ข้างต้นมีดังต่อไปนี้
1.กรด สำหรับส่วนผสมแรกที่ใช้ในการขจัดคราบและละลายแคลเซียมคือกรด หลายๆ คนจึงมักจะนำมาขจัดคราบสกปรกในโถส้วม หรือกระเบื้อง รวมไปถึงกรดไฮโดรคลอริกที่เป็นสารกัดกร่อนโลหะได้แบบมีประสิทธิภาพ
2.สารลดแรงตึงผิว สำหรับหน้าที่ของการทำความสะอาดสิ่งสกปรกหรือคราบให้หลุดแล้วแขวนในน้ำ จะช่วยแก้ไขปัญหาได้เป็นอย่างดี
3.สารลดความกระด้าง สารนี้เป็นตัวช่วยในการขจัดอนุภาคโลหะที่ผสมอยู่ในน้ำจนกระทั่งทำให้น้ำกระด้าง และอาจจะไปขัดขวางการทำความสะอาดได้ โดยที่ไม่ตกค้างหลังจากทำความสะอาดไปแล้วนั่นเอง
4.ด่าง ด่างจะช่วยในการปรับให้ค่า pH สูงกว่าเดิม อีกทั้งยังเป็นการทำปฏิกิริยากับไขมันได้เป็นอย่างดี ช่วยในการขจัดคราบได้ดี ทำความสะอาดได้แบบง่ายดายและหมดจด และด้วยเหตุผลนี้เองจึงได้นำเอาด่างมาเป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์กำจัดคราบในครัวที่มีสิ่งสกปรกอันเกิดจากไขมัน
5.ตัวทำละลาย สำหรับตัวทำละลายในน้ำยา อีกทั้งยังละลายไขมันได้ดีคือกลีเซอรอล โพรพีลีน เอธานอล
ประโยชน์ของน้ำยากำจัดคราบ
เนื่องจากคุณแม่บ้านหลายๆ คนอาจไม่มีเวลาในการทำความสะอาดบ้านด้วยตนเอง ดังนั้นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นมากที่สุดก็คือการใช้ประโยชน์ของเครื่องทุ่นแรง ซึ่งประโยชน์ของน้ำยากำจัดคราบนั้นมีอะไรบ้าง มาดูกันเลย
1.ลดเวลาในการทำความสะอาดบ้าน
2.ช่วยขจัดคราบสกปรกได้แบบล้ำลึก
3.ราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับปริมาณ
4.ตอบโจทย์สำหรับคนที่รักการทำความสะอาดบ้านด้วยตัวเองไม่ต้องการจ้างใคร
จะเห็นได้ว่าน้ำยาขจัดคราบเป็นน้ำยาที่ไม่ว่าใครก็ไม่ควรมองข้าม และหากว่ามีติดบ้านไว้ก็จะปลอดภัยกว่าเดิมอย่างแน่นอน อย่างไรก็ดีหากว่าคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่อยากให้บ้านสะอาด ควรใส่ใจในการเลือกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อความคุ้มค่าของทุกบาททุกสตางค์ที่จ่ายไปนั่นเอง